กลุ่มติดอาวุธในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นกลุ่มหัวสุดโต่งทางศาสนา มักก่อเหตุเพื่อต่อต้านอำนาจรัฐมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น มีหลายร้อยกลุ่มกระจัดกระจายอยู่ โดยเฉพาะในมาเลเซียอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่ช่วงที่มีการก่อการร้ายบ่อยจะอยู่ในช่วงปี 1990 และช่วงต้นปี 2000

ต่อมาในปี 2004 การก่อการร้ายก็ได้เริ่มแพร่การจายอีกครั้งนึก อย่างเช่นต้นปี 2004 ก็ได้มีการก่อความไม่สงบในฟิลิปปินส์ได้มีการวางระเบิดบนเรือเดินสมุทร อีกทั้งในปี 2007 ยังมีการลอบวางระเบิดในรัฐสภากลางกรุงมะนิลาอีกด้วย

ในปี 2013 เป็นปีที่กราฟพุ่งขึ้นสูงสุดนั้นหมายความว่ามีหลายๆเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ ยกตัวอย่างเช่น การลุกขึ้นก่อจราจลของแรงงานต่างชาติในสิงคโปร์เหตุมาจากปัญหาคุณภาพสภาพชีวิตของแรงงาน

ในเป้าหมายเกี่ยวกับประชาชนและทรัพย์สินมักจะพบได้บ่อย เนื่องจากการหวังผลประโยชน์บางอย่าง จึงทำให้เกิดเหตุก่อการร้ายและมักจะทำในรูปแบบของการวางระเบิด (Bombing) หรือการใช้อาวุธ (Armed Assault) ตามประเภทของการก่อการร้าย (Attack Information)

ส่วนเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้ง มักจะพบได้น้อย เนื่องจากว่าถ้าเปิดคลินิกทำแท้ง มักจะทำให้ได้รับในสิ่งที่คนใช้บริการต้องการ คือ การทำแท้ง แต่ก็มีบ้างที่เกิดความขัดแย้งภายในคลินิก นั่นคือ ให้บริการที่ไม่ตรงความต้องการของลูกค้า แต่มักไม่ค่อยเห็นเป็นเหตุการณ์บ่อยๆ

ในอนาคต การก่อการร้ายหรือการก่ออาชญากรรมยังคงมีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความต้องการของมนุษย์ยังมีอยู่ไม่จำกัด และความต้องการในทางที่ไม่สุจริต ดังนั้นการเกิดการก่อการร้ายในเป้าหมายต่างๆ ยังคงเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยการก่อร้ายที่สามารถทำได้โดยง่าย อย่างเช่น การก่อร้ายในเป้าหมายเกี่ยวกับประชาชนและทรัพย์สิน ซึ่งสามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งในหลายๆ ปี ก็คาดว่ายังมีแนวโน้มความถี่ที่จะเกิดสูงขึ้น แต่ในทางกลับกันการก่อร้ายในเป้าหมายเกี่ยวข้องกับการทำแท้งมีความถี่ที่น้อยก็อาจเป็นเพราะ มีกฏหมายมากำหนดในเรื่องของคลินิกการทำแท้ง หรือเป็นสิ่งที่สังคมส่วนใหญ่ไม่เป็นที่ยอมรับ ทำให้คลินิกการทำแท้งลดลงในภาพรวม

ในส่วนของโอกาสที่จะเกิดความสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ในช่วงที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น อย่างเช่น การเมือง ตำรวจ ทหารหรือผู้มีอำนาจในการควบคุมการก่อร้าย ไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งอาจไม่แน่นอนหรือมีทั้งโอกาสที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ที่จะก่อการสำเร็จ แต่หากดูแนวโน้มของกราฟความสำเร็จก็จะเห็นถึงความแปรผันไปในทางเดียวกันกับจำนวนความถี่ที่เกิดขึ้น ดังนั้นสามารถดูโอกาสที่จะเกิดขึ้นของเป้าหมายต่างๆ ในเป้าหมายหลักจากกราฟที่ 1 (เป้าหมายที่เกิดขึ้นมากที่สุด) เพื่อมาดูจำนวนความถี่และอัตราความสำเร็จที่เกิดขึ้นในแต่ละปี

Radiological (7.692%) การใช้อาวุธประเภทนี้มีเปอร์เซนต์การใช้ก่อเหตุน้อยที่สุดจากทุกประเภท เนื่องจากเป็นอาวุธที่มีอำนาจการทำลายต่ำ อานุภาพการทำลายล้างไม่รุนแรง แต่จะสร้างความตื่นตระหนก ให้กับประชาชนในพื้นที่บริเวณนั้นมากกว่าเพราะหากเกิดระเบิดขึ้นจะมีการปล่อยสารกัมมันตรังสีที่เป็นส่วนผสมภายใน ไปปนเปื้อนในบริเวณต่าง ๆ แต่ไม่ทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิต โดยกว่าจะชำระล้างไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าผู้คนจะหายตื่นกลัว และกลับมาประกอบอาชีพกันใหม่ อาจต้องใช้เวลานาน แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ก่อการร้ายแล้ว อาวุธประเภทนี้ เป็นอาวุธที่มีคุณค่าในการสร้างความหวั่นวิตก ให้กับประชาชนในวงกว้างได้

Firearms(92.868%) การใช้อาวุธประเภทนี้มีเปอร์เซนต์การใช้ก่อเหตุสูงเป็นอันดับ 3 เนื่องจากอาวุธปืนเป็นอาวุธที่มีราคาไม่แพงมากนัก มีอานุภาพสูง สามารถใช้งานและเก็บรักษาได้ง่าย ทนทาน ใช้งานได้หลายปี สามารถผลิตได้ค่อนข้างง่าย ขนย้ายและซ่อนได้ง่าย รวมถึงในบางประเทศมีการใช้กฎหมายให้ผู้คนมีสิทธิครอบครองปืนได้ด้วย

Incendiary (94.024%) การใช้อาวุธประเภทนี้มีเปอร์เซนต์การใช้ก่อเหตุสูงเป็นอันดับ2 โดยอาวุธประเภทวางเพลิงมีอัตราการใช้ที่สูงขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า สามารถก่อความเสียหายได้เป็นวงกว้างและมีอานุภาพการทำลายล้างสูง กฏหมายควบคุมไม่เข้มงวดนักเมื่อเทียบกับอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธประเภทวางเพลิงที่รู้จักกันได้โดยทั่วไปได้แก่ ฟอสฟอรัสขาว นาปาล์ม เทอร์ไมน์ เป็นต้น

Other (94.615%) การใช้อาวุธประเภทนี้มีเปอร์เซนต์การใช้ก่อเหตุสูงเป็นอันดับ 1 โดยจะยกตัวอย่างต่อไปนี้คืออาวุธประเภทของมีคม ก้อนหิน ไม้หรืออาวุธที่ใช้ทุบ ตี ทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีอัตราการก่อเหตุที่สูงขึ้นกว่าอาวุธอื่นๆ อาจเป็นเพราะว่า หาซื้อได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะในการก่อเหตุมากนัก มีรูปแบบและวิธีการที่ค่อนข้างหลากหลาย และเป็นอาวุธประเภทคาดเดาได้ยาก เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีคนวิ่งมาแทง หรือ เอาก้อนหินมาทุบหัว จึงทำให้อาวุธประเภทนี้ได้รับความนิยมในภายหลังและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จากชนิดอาวุธทั้งหมดนั้น Explosives Weapon หรือ อาวุธจำพวกระเบิดนั้น เป็นอาวุธที่มีความสำเร็จมากที่สุด ในการก่อการร้าย เพราะ ระเบิดนั้นสามารถสร้างความเสียหายได้ในวงกว้าง และด้วยเสียงและฝุ่นควันจะทำให้เกิดความวุ่นวายและถูกสื่อจับตามองได้ง่ายที่สุด